วันเสาร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ประสงค์ให้ลูกน้อยเติบใหญ่อย่างองอาจในทุกๆวันถือเป็นความมุ่งหวังสูงสุดของผู้ที่เป็นแม่และพ่อเหลือเกิน เวลาที่ลูกไม่สบาย หัวอกของพ่อแม่ก็แทบทลาย

แต่การที่ลูกจะมีอนามัยดี และเข้มแข็งนั้นก็มิได้จะเกิดขึ้นกับเด็กทุกคน ประหนึ่งกับน้องแอมป์บุตรหญิงคนเล็กของคุณยุพาพร เด็กน้อยคนนี้มีอายุเพียงสองขวบเศษเท่านั้น ก็สัมผัสพบกับโรคร้าย ล้มเจ็บเป็นก้อนเนื้องอกในท้อง

“ค่ำคืนหนึ่งน้องเกิดมีไข้สูงถึง 38-40 องศา ต้องรีบร้อนพาส่งโรงพยาบาลโดยฉุกละหุก ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2554 เมื่อก่อนนี้มีอาการท้องป่อง ปวดท้องอย่างมากที่สุด อาการท้องผูก และอุจจาระแข็ง นายแพทย์ขอกระทำการเจาะเลือด เจาะไขสันหลัง เพื่อจะตรวจเนื้องอกและนำเลือดไปตรวจหาที่ห้องปฏิบัติการ”

“ผลการวินิจฉัยเจอก้อนเนื้องอกในช่องท้องของน้อง มีความยาวราวๆ 8 เซนติเมตร กว้าง 5 เซนติเมตร จำเป็นต้องกรีดหน้าท้องเพื่อนำชิ้นเนื้อในท้องไปพิจารณาเพื่อควานหาคำตอบ ระหว่างนั้นแพทย์ก็แจ้งกับคุณยุพาพร ผู้เป็นแม่ให้ปล่อยวางใจเอาไว้ว่าชิ้นเนื้อที่พาไปวิเคราะห์นั้น สามารถเป็น เนื้อร้าย 80% สิ้นเสียงหมอยังกับฟ้าผ่าลงกลางใจของคนเป็นแม่”

“ฉันทำได้แค่พยักหน้าแล้วอุ้มลูกมาโอบกอดไว้ที่อก ลูกเองก็สวมกอดแม่เอาหน้าแนบไหล่ ได้แต่บอกในใจว่าลูกยังเด็กนักเกิดมาได้ 1 ปี 6 เดือน ต้องพรากกันแล้วเหรอ แล้วพูดกับตัวเองว่าน้องยังตายมิได้แม่จะทำการทุกอย่างเพื่อขอให้ลูกดำรงชีพอยู่ เมื่อถึงที่อาศัยก็ไม่พูดกับใครได้แต่สวดมนต์จนพ่อของน้องโทรมาหาฉัน ดิฉันเล่าไปร้องไห้ไปจนปวดศีรษะ พ่อน้องพูดว่าเช่นใดก็ต้องรักษาพยาบาล”

ผลพิจารณาจากห้องปฏิบัติการถูกเอามาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ปรากฏว่าชิ้นเนื้อที่นำไปตรวจหานั้นไม่ใช่เนื้อร้าย แต่ก็ควรรีบทำการรักษาพยาบาลด้วยการให้คีโม

“การฉายแสงทีแรกเมื่อเดือนมกราคม ทำเอาเส้นของน้องระเบิด จับไข้ และเกล็ดเลือดต่ำ คุณหมอทำการพิจารณาสแกนกระดูก เมื่อกลับพักรักษาตัวที่บ้าน ดิฉันกับสามี ต้องช่วยกันฉีดยาสลายลิ่มเลือดให้ลูกประจำวัน ลูกก็ยังต้องทานยาลดความดันสูงทุกวัน”

“ช่วงที่ทำคีโมผิวของน้องเริ่มคล้ำ เล็บมือและเล็บเท้าก็ดำคล้ำ ปากสีซีดจาง หน้าเซียว ผมก็ดุจกับหญ้าแห้งไหม้ ผิวเหี่ยว เพียงแค่ย่ำเดินก็ไม่มีแรง กินอาหารได้เบาบาง และเขาจะร้องไห้ขี้กลัวคนแปลกหน้า โดยเฉพาะแพทย์และพยาบาล”

ถึงแม้จะอยู่ในช่วงความระทมทุกข์ของครอบครัว เรื่องราวที่ดีก็เกิดขึ้นพอให้ทั้งหมดในบ้านมีกำลังใจขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อบ้านใกล้เรือนเคียงแนะนำน้ำ ACTIV120 ให้กับน้องได้ลองดูดื่ม

“หลานของคนข้างบ้านคนนี้เป็นโรคพุ่มพวงและได้นำน้ำแอคทิเวท (Activated Water)มาดื่มกับใช้ชำระล้างร่างกาย ผลคือหลานมีสภาพดีขึ้นมาก จากเรื่องราวนี้จึงตกลงใจให้น้องดื่มน้ำแอคทิเวท พร้อมกันไปกับการรักษา ตั้งแต่ตอนให้เคมีบำบัดครั้งแรกช่วงเดือนกุมภา ปี 54”

“ฉันยังให้ลูกดื่มน้ำ ACTIV120 ไปพร้อมการให้เคมีบำบัดโดยไม่ยอมดื่มน้ำอื่นเลย และต่อจากนั้นทุกครั้ง ที่จะทำการทำคีโมก็จะต้องเจาะเลือดทุกครั้ง ข้อสรุปเลือดออกมาว่าเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติวิสัยดี ไม่จำเป็นให้ยาเสริมใดๆ เลย มากกว่านั้นดิฉันยังหน้าบานอย่างมากมายเมื่อผลการเอ็กซเรย์ และการสแกนกระดูกเป็นปรกติ”

บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกน หรือคอมพิวเตอร์ความเร็วสูงครั้งที่ 2ทำภายหลังครั้งแรก 6 สัปดาห์ ตอนนี้ผ่านการทำเคมีบำบัดครั้งที่ 1 และให้น้องดื่มน้ำ ACTIV120 ไปแล้ว พบว่ามะเร็งในท้องเบาลงจากเกือบ 8 เซ็นต์ เหลือ 6 เซ็นต์
บทสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 3 ภายหลังครั้งที่ 2 12 อาทิตย์ เนื้อร้ายในท้องหดตัวเหลือราว 3 เซ็นต์
ผลสรุปการเอ็กซเรย์ CT สแกนครั้งที่ 4 หลังจากครั้งที่สาม 16 สัปดาห์ กำลังรอคอยผลจากแพทย์เพื่อรอการผ่าตัดเอามะเร็งออกให้หมด

“น้องมีผื่นขึ้นใบหน้าคล้ายคลึงกับกลากน้ำนมขึ้นที่แก้ม แต่บางทีรับประทานขนมแล้วเลอะหน้ามีเม็ดขึ้น ดิฉันก็นำเอาผ้าชุบน้ำแอคทีฟ วันทูโอ มาเช็ดหน้าให้เขา ผดผื่นก็ค่อยๆ ยุบลงถึงไม่จำเป็นต้องทายา”

“ล่าสุดน้องสุขภาพแข็งแรงไม่เหมือนผู้ป่วย เป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ดี พิสูจน์ได้ว่า น้ำแอคทีฟ วันทูโอ ช่วยส่งเสริมสุขภาพอนามัยน้องได้"

“ก่อนหน้านี้ ลูกชายคนโตเป็นหวัดบ่อย ต้องนำไปหาแพทย์ทุกอาทิตย์ ปัจจุบันนี้ก็ให้ลูกนำน้ำ ACTIV120ไปดื่มที่โรงเรียนด้วยตลอดเวลา ฉันมีความสุขมากเพราะว่าเขาไม่เป็นหวัดอีกแล้ว”
เดี๋ยวนี้บ้านคุณยุพาพรเป็นครอบครัวแอคทิเวท (Activated Water)เพราะดื่มทั้งครอบครัว

“ครั้งหนึ่งพริกกระเด็นเข้าตาแสบมาก ดิฉันใช้วิธีการการลืมตาในน้ำ ACTIV120 ผลปรากฎว่าหายแสบสนิท”
“ไม้ต้นหน้าบ้านเหมือนมันใกล้จะตายใบโรยราและเริ่มเหลือง ใช้น้ำ ACTIV120ไปรด 2-3 ครั้ง สังเกตว่าต้นไม้ฟื้นตัวและเขียวสดใสขึ้นมา”



ที่มา : https://activated-water-for-life.blogspot.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น